หลังจากที่คุณได้ติดตั้ง WooCommerce แล้ว ก่อนอื่นขอให้คุณมาสังเกตก่อนว่า WooCommerce ได้เซตอะไรไว้ให้คุณบ้าง
สร้างเพจสำหรับระบบอีคอมเมิร์ซให้
ให้คุณไปดูที่เมนู Pages -> All Pages คุณจะเห็นว่า WooCommerce สร้างเพจต่อไปนี้ให้คุณ Cart, Checkout, My account, Shop โดยอัตโนมัติ ถ้าคุณเข้าไปดูในแต่ละเพจคุณจะเห็น shortcode ต่อไปนี้ ตามลำดับ
[woocommerce_cart]
[woocommerce_checkout]
[woocommerce_my_account]
ในเพจ shop จะไม่มี shortcode
เพจ cart
ใช้สำหรับแสดงรายการสินค้าที่ถูกเลือกก่อนที่จะผ่านไปขั้นตอนโอนเงิน ซึ่งเป็นหน้าที่ของ [woocommerce_cart]

เพจ Checkout
ใช้แสดงหน้าที่จะให้ผู้ซื้อใส่รายละเอียด เช่นสถานที่จัดส่ง บิล การโอนเงิน



เพจ My account
จะใช้แสดงพื้นที่สมาชิกของผู้ซื้อ ซึ่งสามารถมาแก้รายละเอียดของตัวเองได้ทีหลังสำหรับการสั่งซื้อครั้งถัดไป รวมทั้งบันทึกประวัติการสั่งซื้อที่ผ่านมา สถานะของการสั่งซื้อ

เพจ shop
ไม่มี shortcode ใช้แสดงรายการสินค้าสำหรับการเลือกซื้อ

แค่นี้ครับ หลังติดตั้ง WooCommerce เซตสิ่งเหล่านี้ไว้ให้คุณโดยอัตมัติ คุณเพียงแต่ใส่รายละเอียดเพิ่มเติม ใส่ข้อมูลสินค้าก็สามารถเปิดร้านขายของได้เลย
ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ ? ง่ายครับ ถ้าคุณไม่ต้องการอะไรพิเศษหรือต้องการเอกลักษณ์อะไรมาก ขายอย่างเดียว เรื่องรูปร่างหน้าตาก็ยอมเสียเงินซื้อธีมดีๆไม่เกินสองพันกว่าบาทก็ได้เว็บอีคอมเมิร์สที่หรูแล้ว แต่เชื่อเถอะครับว่า ใช้ไปสักพักไม่มีอะไรถูกใจหรือตรงตามใจคุณแน่ มันมีเรื่องที่ต้องปรับปรุงแก้ไขอยู่เสมอ นี่ก็คือทางของ WordPress+WooCommerce ครับ เป็นระบบที่เปิดทางให้คุณ customize ได้เอง ก่อนไปต่อผมขอแนะนำคุณอย่างหนึ่ง แต่ถ้าคุณเน้นขายอย่างเดียว มีระบบที่ลงตัวไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมันมาก ผมแนะนำให้ซื้อบริการทำเว็บจะง่ายกว่า ยอมเสียค่าบริการหลังการขายในราคาที่คุณรับได้ ถ้าคุณมาแนวนี้คุณต้องใช้เวลาศึกษาและปรับปรุงไปเรื่อยๆซึ่งข้อดีคือคุณมีอิสระในการพัฒนาระบบเว็บอีคอมเมร์สของคุณให้มีเอกลักษณ์และประสิทธิภาพดูเป็นมืออาชีพในแบบของคุณได้ เพราะ WordPress+WooCommerce มีปลั๊กอินสนับสนุนเพียบทั้งฟรีและเสียเงิน(ในราคาหลักพัน) โดยที่ผู้ผลิตเว็บสำเร็จรูปไม่มีทางตามทันในระดับราคานี้
สมมติว่าคุณไปต่อนะครับ ไปด้วยกันเลย
ไม่เอาเพจที่ WooCommerce เซตให้โดยอัตโนมัติได้ไหม ?
ได้ครับ แต่ผมไม่เห็นเหตุผลที่คุณจะต้องไปทำ ถ้าคุณอยากจะจัดเลย์เอาท์อะไรเพิ่มเติมก็ทำได้ในเพจอัตโนมัตินั้นได้เลย ก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่า WooCommerce รู้ได้ไงว่าเพจนั้นเป็น shop หรือเป็น cart มันไม่ได้อ่านจาก shortcode ที่เขียนอยู่ในเพจนะครับ มันดูตรง Setting ให้คุณไปที่ WooCommerce -> Settings คลิกที่แท็บ Products

ตรงที่ช่อง Shop page นั่นแหละครับที่ใช้สำหรับเซตว่าจะเอาเพจไหนแสดงรายการสินค้า(shop) ซึ่งมันจะชี้ไปที่เพจที่ Woo สร้างให้ตอนคุณติดตั้ง ถ้าคุณมีเพจชื่ออื่นที่คุณสร้างไว้ก็คลิกที่ลูกศรเล็กๆทางขวาก็จะปรากฏรายการเพจให้เลือก แล้วก็เลือกเพจที่คุณเตรียมไว้สำหรับเป็น shop
ส่วนอีก 3 เพจที่เหลือให้คุณไปที่แท็ป Advanced ครับ

คงเดาออกนะครับ ถ้าคุณมีเพจที่คุณสร้างไว้ก็เลือกเพจนั้นแทน แล้วก็กดบันทึก บางครั้งที่เพจทั้งสี่ไม่คุณเวลาที่ใช้งานก็ให้คุณมาดูที่หน้า Settings นี้ว่าเพจมันหลุดไปหรือเปล่า เช่นบางทีมันกลายไปเป็น

อันนี้ก็ต้องกลับมาเซตใหม่ อันนี้นานๆจะเจอครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ (มักจะเป็นหลังจากเซตเยอะไป 55)
สรุป
เริ่มต้นแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะยาวไป จริงๆเนื้อหาก็ไม่มีอะไรมากเป็นพื้นฐานจริงๆ ติดตามตอนต่อไปครับ