ผมสมมติว่าคุณคุ้นเคยทำ WordPress หรือมีเว็บไซต์อยู่แล้วและต้องการทำ eCommerce จริงๆ ผมบอกคุณก่อนว่าการเซต WooCommerce ไม่ยาก การทำเว็บขายสินค้าไม่ใช่เรื่องยาก คุณใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงก็สามารถมีเว็บขายสินค้าได้แล้ว ถ้าคุณมีสินค้าพร้อม ข้อมูลพร้อม แต่.. คุณจะได้เว็บที่ไม่แตกต่างจากคนอื่น
เริ่มติดตั้ง WooCommerce
อันนี้ไม่ยาก ค้นหา WooCommerce แล้วติดตั้ง แล้ว activate เป็นอันเสร็จ มีข้อสังเกตนิดหนึ่งตอนติดตั้ง จะขึ้นให้คุณเซตค่าต่างๆไว้ตอนนี้ คุณอาจจะข้ามไปแล้วค่อยมาเซตทีหลังก็ได้ สมมติว่าคุณต้องการเซตตอนนี้
เซตเบื้องต้น

เลือกประเทศ Thailand ใส่ที่อยู่ ซึ่งจะนำไปใช้ใน Bill เลือกสกุลเงินเป็น Thai/Baht เลือก I plan to sell both physical and digital products ซึ่งหมายถึงเราขายทั้งสินค้าและบริการ หรือเลือกรายการอื่นที่มีให้ ส่วน Help Woocommerce improve… ก็คือคุณจะยอมให้เว็บคุณส่งข้อมูลทางเทคนิคบางอย่างไปให้ทาง WooCommerce เพื่อใช้ในการปรับปรุงเวอร์ชันต่อๆไปหรือไม่ ถ้าไม่ก็คลิกออก
เซต Shipping

เป็นการเซตค่าขนส่งในแต่ละโซน ตามตัวอย่างเป็นอัตราคงที่ (flat rate) คุณอาจใส่ 0 ไปทั้งสองช่องก่อน ที่เหนือเป็นหน่วยของนำหนักของสินค้าที่จะขนส่งใช้ในกรณีที่ค่าขนส่งคิดตามน้ำหนัก และหน่วยของขนาดสินค้ากรณีที่คิดค่าขนส่งตามขนาด
ผูก WooCommerce เข้ากับ MailChimp
ถ้าคุณใช้ อยู่คุณสามารถผูกเข้ากับ WooCommerce ได้ ถ้าไม่ใช้ก็คลิกออก

ผูก WooCommerce กับ Jetpack
ถ้าคุณใช้ Jetpack อยู่ก็สามารถผูกได้ด้วยเช่น ถ้ายังไม่เคยใช้ก็ลองลงดูครับ ขั้นตอนนี้จะติดตั้งปลั๊กอิน Jetpack ให้อัตโนมัติ

ผูก WooCommerce เข้ากับ PayPal
ปกติในประเทศนิยมใช้การโอนเงินผ่านธนาคาร แต่ถ้าคุณต้องค้าขายกับต่างประเทศ การใช้ PayPal ก็เป็นสิ่งที่สะดวกมาก

กลับไปดูที่ dashboard
ให้คุณกลับไปดูที่ dashboard จะมีหน้าสำหรับการติดตั้ง Jetpack เพิ่มเติม ผมแนะนำให้คุณเก็บ notify ตัวนี้ไว้เผื่อใช้

สังเกต Status ก่อน
คุณจะสังเกตเมนู WooCommerce ทางซ้ายให้คลิกเลือก Status เพื่อดูว่า WooCommerce ที่คุณติดตั้งเข้ากันได้กับเวอร์ชันของ WordPress ที่ใช้อยู่หรือไม่ และที่สำคัญ php เวอร์ชันของโฮสต์ที่คุณใช้อยู่รวมทั้งหน่วยความจำของโฮสต์เพียงพอหรือไม่ ถ้าตรงไหนขึ้นตัวแดง ให้คุณปรึกษาโฮสต์เพื่อ upgrade ให้ได้ตามสเปคของ WooCommerce

ตอนนี้แค่นี้ก่อนนะครับ จริงๆแล้วไม่มีอะไรมาก แค่โหมโรง